BIG KEY กับ KEY WORLD ต่างกันตรงไหน?
รูปแบบแรก คือ Big Key
จุดเด่น
เป็นแบรนด์ที่เน้นกิจการขนาดเล็ก
เงินลงทุน 80,000-150,000 บาท
ได้รับอุปกรณ์ และการฝึกอบรม โดยเป็นร้านขนาดเล็ก
ใช้พื้นที่ทำงานหรือตั้งร้าน 4-24 ตารางเมตร
ใช้คนทำงานเพียง 1-2 คน
เน้นงานบริการที่รวดเร็ว
มีบริการพื้นฐาน ในการปั๊มกุญแจทุกประเภท
ทั้งกุญแจรถยนต์ กุญแจบ้าน กุญแจหัก และกุญแจที่ฟันสึก และที่สำคัญ เน้นบริการนอกสถานที่กรณีเหตุฉุกเฉิน
เช่น ช่วยเปิดประตูบ้าน เปิดประตูรถยนต์ กรณีทำกุญแจหล่นหาย
จุดด้อย
เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดเล็ก จึงไม่มีที่จอดรถให้ลูกค้า
และเนื่องจากงบการลงทุนที่ ต่ำกว่า KEY WORLD
หลายเท่า จึงไม่สามารถ มีสต๊อกสินค้ามาก
และไม่สามารถทำกุญแจ IMMOBILIZER ได้อย่างครบวงจร
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
รูปแบบต่อมา คือ Key World
แบรนด์นี้เป็นศูนย์บริการงานเกี่ยวกับกุญแจโดยเฉพาะครบวงจร
ใช้งบในการลงทุน 1,500,000-5,000,000 บาท
ผู้ลงทุนได้รับอุปกรณ์ ฝึกอบรม การวางระบบ การตกแต่งร้าน รวมถึงแนะนำทำเลที่ตั้ง โดยใช้พื้นที่ในการทำงาน 80-100 ตารางเมตร
พนักงานประจำร้าน 4-8 คน
โดยแบรนด์ Key World
จุดด้อย
ไม่เน้นบริการฉุกเฉิน
จุดเด่น แต่จะเน้นบริการงานกุญแจที่หาไม่ได้ตามร้านกุญแจทั่วๆไป
รวมถึง งานที่ช่างกุญแจธรรมดาๆ มีข้อจำกัด ไม่สามารถให้บริการได้
เช่น ทำกุญแจ IMMOBILIZER
|